การทำธุรกิจท่ามกลางความขัดแย้ง – Remarkable

หัวข้อที่ห้ามกันแบบอมตะนิรันดร์กาล ที่ธุรกิจไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นก็คือ การเมืองและ ศาสนา
การแสดงออกเพื่อให้เกิดความพึงพอใจกับ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะส่งผลเสียกับบริษัทฯ มากกว่าผลดีอย่างแน่นอน เพราะคุณจะสูญเสียลูกค้าอีกฝ่ายหนึ่งไปทันที และอาจจะสร้างความโกรธแค้นให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป ส่วนลูกค้าปัจจุบัน ที่คุณเลือกข้างเดียวกับเค้านั้น ต้องถือว่าเป็น กลุ่มลูกค้าที่คงเดิม ที่เค้าอาจจะสนับสนุน หรือ ไม่สนับสนุน ธุรกิจคุณก็ได้ คุณไม่มีทางไปบังคับเค้าได้แน่นอน 

ที่สำคัญที่สุดคือ ความขัดแย้งนั้นจะหมดหรือเจือจางไปตามกาลเวลา หรือ อาจจะจบลงภายในเวลาไม่นาน เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่กรณีของทั้งสองฝ่าย และเมื่อหลังจากเหตุการณ์จบสิ้นลง ธุรกิจที่เลือกฝักใฝ่ทำธุรกรรมท่ามกลางความขัดแย้งนั้นๆ จะวางตัวได้ลำบากมาก เพราะได้ตัดโอกาสคนที่จะเป็นลูกค้าของตัวเองออกไปแล้ว 

คุณเชื่อหรือไม่ว่า คนที่ทะเลาะกัน หรือ มีความเห็นไม่ตรงกัน คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเค้าอาจจะคืนดีกัน เมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อเค้าคืนดีกันแล้ว บุคคลที่สามก็จะไม่มีที่ยืนโดยทันที .. โอกาสที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จยากมาก เพราะได้ตัดโอกาสทางธุรกิจของตนเองไปอย่างน่าเสียดาย

การตัดลูกค้าออกไป เป็นหนทางที่ไม่ควรพึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่ธุรกิจควรจะทำ คือ การสร้างการสื่อสาร ให้ชัดเจนในเรื่อง “ความไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง” ลงในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ เข่น Facebook และดำเนินธุรกิจไปตามแผนการตลาดที่วางไว้อย่างหนักแน่นและไม่หวั่นไหวกับข้อเรียกร้องจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้ลูกค้าสนับสนุนธุรกิจคุณ เพราะ “คุณค่าของผลิตภัณฑ์” ที่แท้จริง ที่คุณส่งมอบให้มากกว่า และคุณก็จะได้ลูกค้าอย่างจีรังยั่งยืน

อย่าลืมนะครับ ยังไง ก็ต้องให้ธุรกิจดำรงอยู่ในฐานะที่เป็นสถาบันที่เป็นกลางกับทุกความขัดแย้ง เพราะธุรกิจจะต้องอยู่ยืนยาวนานกว่า ความขัดแย้งนั้นๆ